top of page
ค้นหา

น้ำผึ้งมานูก้าช่วยเรื่องของระบบย่อยอาหารอย่างไรบ้าง

  • รูปภาพนักเขียน: Venus H
    Venus H
  • 16 มิ.ย.
  • ยาว 1 นาที
น้ำผึ้งมานูก้าช่วยเรื่องของระบบย่อยอาหาร

ปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และระบบย่อยอาหารสามารถสร้างความไม่สบายตัวได้เป็นอย่างมาก ใครที่เคยเป็นโรคด้านนี้จะรู้ดีว่าปัญหานี้ส่งผลกระทบทุกอย่างตั้งแต่การย่อยอาหารไปจนถึงความเจ็บป่วยต่างๆ หลายคนหันมาใช้วิธีทางธรรมชาติเพื่อบรรเทาอาการเหล่านี้ และดาวเด่นที่กำลังได้รับความสนใจในยุคนี้ก็คือน้ำผึ้งมานูก้า ซึ่งน้ำผึ้งชนิดนี้ไม่ใช่เพียงแต่มอบความหวานที่มีความเป็นเอกลักษณ์ แต่ยังมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถช่วยในเรื่องของระบบอาหารได้เป็นอย่างดี


อะไรที่ทำให้น้ำผึ้งมานูก้าพิเศษกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น?

แน่นอนว่าเราทราบกันดีว่าน้ำผึ้งนั้นมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่น้ำผึ้งมานูก้ามีความโดดเด่นกว่าน้ำผึ้งชนิดอื่น ๆ มาก เพราะผลิตโดยผึ้งที่ผสมเกสรจากดอกของต้นมานูก้า (Leptospermum scoparium) ซึ่งมีถิ่นกำเนิดในประเทศนิวซีแลนด์


สิ่งที่ทำให้น้ำผึ้งชนิดนี้แตกต่างไปจากน้ำผึ้งชนิดอื่น ๆ ก็คือสารประกอบพิเศษที่เรียกว่า เมทิลไกลออกซาล (MGO) โดยสาร MGO นี้มีฤทธิ์ในการต่อต้านแบคทีเรีย ยิ่งค่า MGO สูงเท่าไร ก็แสดงว่าน้ำผึ้งมานูก้านั้นมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ในปริมาณที่เข้มข้นเท่านั้น


พลังแห่งเยียวยาของน้ำผึ้งมานูก้าช่วยเรื่องของระบบย่อยอาหาร

น้ำผึ้งมานูก้านั้นมีประโยชน์มากมายและสามารถนำมาใช้ได้หลากหลาย โดยประโยชน์ในการเยียวยาระบบย่อยอาหารของน้ำผึ้งมานูก้า มีดังนี้


1. ต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้าย

หนึ่งในคุณสมบัติที่โดดเด่นที่สุดของน้ำผึ้งมานูก้าคือฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย ลำไส้ของเราเป็นที่อยู่ของแบคทีเรียนับล้านล้านตัว ทั้งดีและไม่ดี เมื่อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายเพิ่มจำนวนขึ้น อาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และแม้กระทั่งอาการที่รุนแรงขึ้น เช่น ภาวะลำไส้เล็กมีแบคทีเรียมากเกินไป (SIBO)


สาร MGO ในน้ำผึ้งมานูก้าจะมุ่งเป้าไปที่แบคทีเรียไม่ดีโดยตรง การศึกษาแสดงให้เห็นว่าน้ำผึ้งมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อโรคในลำไส้หลายชนิด เช่น Helicobacter pylori (สาเหตุทั่วไปของแผลในกระเพาะอาหาร) และ Clostridium difficile (ซึ่งทำให้เกิดท้องร่วงอย่างรุนแรง) โดยการไปช่วยลดจำนวนแบคทีเรียที่เป็นอันตราย น้ำผึ้งมานูก้าสามารถช่วยฟื้นฟูสมดุลของไมโครไบโอทาในลำไส้ ช่วยลดปัญหาการย่อยอาหารได้


2. บรรเทาอาการอักเสบ

การอักเสบเป็นปัจจัยสำคัญในปัญหาลำไส้หลายอย่าง ตั้งแต่โรคลำไส้แปรปรวน (IBS) ไปจนถึงโรคลำไส้อักเสบ (IBD) เช่น โรคโครห์นและลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผล น้ำผึ้งมานูก้ามีคุณสมบัติต้านอักเสบที่สามารถช่วยให้ระบบทางเดินอาหารที่ระคายเคืองมีอาการที่ดีขึ้นได้ สารประกอบในน้ำผึ้งสามารถลดการผลิตสารที่ก่อให้เกิดการอักเสบ บรรเทาความรู้สึกไม่สบาย และช่วยดูแลเยื่อบุลำไส้ ช่วยบรรเทาอาการอักเสบของลำไส้เรื้อรัง


3. พรีไบโอติก

นอกจากจะช่วยต่อสู้กับแบคทีเรียตัวร้ายแล้ว น้ำผึ้งมานูก้ายังช่วยรักษาสมดุลของแบคทีเรียชนิดดี เช่น โอลิโกแซ็กคาไรด์ ซึ่งทำหน้าที่เป็น พรีไบโอติก พรีไบโอติกคือใยอาหารที่ไม่สามารถย่อยได้ ซึ่งเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ของคุณ เช่น Lactobacillus และ Bifidobacterium การมีประชากรแบคทีเรียที่ดีในลำไส้นั้นสำคัญต่อการย่อยอาหารที่ดี การดูดซึมสารอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ด้วยการส่งเสริมไมโครไบโอทาที่สมดุล น้ำผึ้งมานูก้าช่วยให้ลำไส้ของคุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น


4. น้ำผึ้งมานูก้าช่วยเรื่องของระบบย่อยอาหาร เยียวยาเยื่อบุลำไส้

เยื่อบุลำไส้ที่แข็งแรงจะช่วยป้องกัน "ภาวะลำไส้รั่ว" ซึ่งเป็นภาวะที่กำแพงลำไส้ถูกทำลาย ทำให้สารพิษและอนุภาคอาหารที่ไม่ย่อยรั่วไหลเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบในวงกว้างและก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย น้ำผึ้งมานูก้าสามารถช่วยได้ คุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านจุลชีพจะช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างเยื่อบุลำไส้ ส่งเสริมความสมบูรณ์และลดการซึมผ่าน ถือเป็นการดูแลสุขภาพลำไส้ในระยะยาว


5. ต่อสู้กับอาการท้องผูกและท้องร่วง

น้ำผึ้งมานูก้าสามารถช่วยควบคุมการขับถ่ายได้ โดยการไปลดการอักเสบและปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยบรรเทาได้ทั้งอาการท้องผูกและท้องร่วง


สำหรับอาการท้องผูก ฤทธิ์พรีไบโอติกสามารถปรับปรุงความสม่ำเสมอและความถี่ของการขับถ่ายได้ สำหรับอาการท้องร่วง โดยเฉพาะที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย คุณสมบัติต้านจุลชีพในน้ำผึ้งมานูก้าจะสามารถช่วยกำจัดสาเหตุหลักและฟื้นฟูการทำงานของลำไส้ให้เป็นปกติ


น้ำผึ้งมานูก้าและขนมปัง

วิธีใช้น้ำผึ้งมานูก้าเพื่อสุขภาพที่ดีของลำไส้และระบบย่อยอาหาร

  • รับประทานแบบดิบๆ: วิธีที่ง่ายที่สุดคือรับประทาน 1-2 ช้อนชาโดยตรง ก่อนมื้ออาหาร

  • ผสมในน้ำอุ่นหรือชา: เป็นวิธีการทานน้ำผึ้งที่ง่ายที่สุด เพราะสามารถผสมในน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มได้ แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำร้อนจนเกินไป เพราะความร้อนที่มากเกินจะไปทำลายสารประกอบที่เป็นประโยชน์บางส่วนในน้ำผึ้งมานูก้าได้

  • เติมลงในสมูทตี้หรือโยเกิร์ต: เพิ่มรสชาติความอร่อยให้มื้อเช้าหรือของว่างด้วยการเติมน้ำผึ้งมานูก้าลงไป

  • ทาบนขนมปังปิ้งหรือแครกเกอร์: เป็นวิธีที่อร่อยและง่ายในการทานน้ำผึ้งมานูก้าร่วมกับเมนูของว่างสุดโปรด


เมื่อเลือกน้ำผึ้งมานูก้า ให้มองหาน้ำผึ้งที่มีค่า MGO ที่ได้รับการรับรอง โดยทั่วไปแนะนำให้ใช้ MGO 250+ ขึ้นไปเพื่อประโยชน์ในการดูแลสุขภาพลำไส้และระบบย่อยอาหาร


ข้อควรพิจารณาก่อนใช้น้ำผึ้งมานูก้า

แม้ว่าน้ำผึ้งมานูก้าช่วยเรื่องของระบบย่อยอาหารและมีประโยชน์มากมาย แต่สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงมีดังนี้:

  • ปริมาณน้ำตาล: เช่นเดียวกับน้ำผึ้งทั่วไป น้ำผึ้งมานูก้าก็อาจมีน้ำตาลปริมาณสูง หากคุณเป็นโรคเบาหวานหรือกำลังควบคุมปริมาณน้ำตาล ควรใช้ในปริมาณที่พอเหมาะ

  • ทารก: ทารกที่มีอายุต่ำกว่า 1 ปี ยังไม่ควรทานน้ำผึ้งมานูก้า เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อโรคโบทูลิซึมในทารก

  • อาการแพ้: หากคุณแพ้ผึ้งหรือน้ำผึ้ง ควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำผึ้งมานูก้า

  • ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ที่รุนแรงหรือเรื้อรัง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเสมอ น้ำผึ้งมานูก้าสามารถเป็นทางเลือกในการบำบัดเสริมได้ แต่ไม่ควรใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์หรือการรักษาที่กำหนด

 
 
 

Comments


Manuka Health Thailand

©2021 by Manuka Health Thailand

bottom of page